วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555

วงจรชีวิตปลวก

ปลวกเมื่อโตเต็มวัยจะมีปีกหรือที่เรารู้จักกันว่า ”แมลงเม่า” พบแมลงเม่ามากในช่วงต้นของฤดูฝน หรือระหว่างเดือนพฤษภาคม ถึง มิถุนายนและช่วงที่มีฝนตกผิดฤดูและมีปริมาณความชื้นสูง จึงเป็นระยะที่เหมาะกับการผสมพันธุ์ของแมลงเม่าและพบเห็นบ่อย  แมลงเม่าทั้งตัวผู้และตัวเมีย เมื่อบินออกจากรังจะจับคู่กันแล้วจะสลัดปีกทิ้ง จากนั้นจะพากันไปหาสถานที่ที่เหมาะสมในการที่จะเป็นรังใหม่ของมันต่อไปนั่น คือบริเวณที่มีความชื้นสูงและมีแหล่งของอาหารคือไม้อย่างพอเพียง 

ขั้นตอนการผสมพันธุ์เริ่มจากปลวกเพศเมีย ซึ่งกลายเป็นราชินีปลวกจะปล่อยกลิ่นฟีโรโมน ทำให้ปลวกตัวผู้(ปลวกราชา)ไปหาและผสมพันธุ์กัน เมื่อสร้างรังเสร็จตัวราชินีปลวกจะเริ่มวางไข่ภายในเวลา 1 เดือน การวางไข่ของราชินีปลวกครั้งแรกจะมีจำนวนน้อยประมาณ 10 ฟองหรือมากกว่า ไข่จะฟักเป็นตัวอ่อนปลวกออกมาภายในเวลาหลายสัปดาห์  

วงจรชีวติปลวกรุ่นแรกจะเป็นปลวกงานและปลวกทหาร ในระยะแรกตัวอ่อนจะได้รับอาหารจากปลวกราชินีโดยการกินมูลและอาหาร ซึ่งทำให้ปลวกได้รับโปรโตซัวและแบคทีเรีย ต่อมาส่วนท้องของปลวกราชินีจะขยายใหญ่ขึ้นและจะเริ่มวางไข่อีกและจะเคลื่อน ไหวไปไหนมาไหนไม่ได้ ในครั้งนี้จะเป็นการผลิตปลวกงานและปลวกทหารให้เพิ่มขึ้น ในระยะ 3-4 ปีต่อมาราชินีจึงวางไข่เพื่อผลิตวรรณะสืบพันธุ์ชุดแรก สำหรับตัวราชาปลวกจะมีรูปร่างขยายขึ้นกว่าเดิมไม่มากนัก จะคอยอยู่ใกล้ๆ กับตัวนางพญาปลวกเพื่อทำการผสมพันธุ์เพียงอย่างเดียว






วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2555

บ้าน...ที่มีความเสี่ยงจากปลวก

เป็นที่ทรา่บกันดีอยู่แล้วว่า...ปลวกมักเข้าทำลายโครงสร้างของอาคารบ้านเรือนในบริเวณที่มีความชื้นสูง  เนื่องจากความชื้นเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของปลวก  เพราะฉะนั้นสิ่งปลูกสร้างที่มีสภาวะแวดล้อมโดยรอบเอื้อต่อการทำให้มีความชื้นสะสมสูง  มักจะพบปัญหาเรื่องปลวกอยู่ตลอดเวลา  เช่น บ้านที่มีต้นไม้ปกคลุมรอบตัวบ้าน  บ้านที่ปลูกติดริมคลองหรือใกล้แหล่งน้ำ  รวมถึงการรดน้ำต้นไม้บริเวณสนามหญ้าเป็นประจำทุกวันก็มีผลเช่นกัน  อีกทั้งลักษณะการออกแบบตกแต่งบ้านก็อาจทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเข้าทำลายของปลวก  โดยเฉพาะบ้านที่มีการตกแต่งสวนและสนามหญ้าให้มีพุ่มไม้ปลูกติดกับตัวบ้านเพื่อกลบรอยคราบดินบริเวณผนังด้านนอก  อีกทั้งในปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่นิยมสร้างอาคารบ้านเรือนโดยการถมดินหรือเททรายทับเพื่อปิดกั้นบริเวณใต้พื้นบ้าน  ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาปลวกเข้าทำลายได้ง่้ายและรวดเร็ว  เนื่องจากประชากรปลวกมักใช้สภาพแวดล้อมเหล่านี้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยเพื่อสร้างรังและทำทางเดินเข้าสู่ตัวบ้าน  ฉะนั้นจึงไม่ควรปลูกต้นไม้ให้ชิดติดกับตัวบ้านจนเกินไป  ทั้งยังควรปลูกสร้างอาคารบ้านเรือนให้มีการยกระดับพื้นบ้าน  ซึ่งสามารถทำได้โดยการสร้างบ้านให้สูงจากพื้นดินไม่น้อยกว่า 50 เซนติเมตร หรือที่เรียกว่าใต้ถุน  เพื่่อให้มีช่องระบายอากาศโดยรอบ  ซึ่งจะช่วยลดความชื้นที่สะสมอยู่ในดินใต้พื้นบ้าน  และสะดวกในการที่จะเข้าไปทำการป้องกันกำจัดปลวก


อีกวิธีการหนึ่งที่สามารถช่วยให้บ้านปลอดภัยจากการรุกรานของปลวกได้  คือการดูแลตรวจสอบสภาพท่อน้ำหรือบริเวณที่อาจมีการรั่วซึมของน้ำ  หมั่นจัดเก็บและวางข้าวของให้เป็นระเบียบเรียบร้อย  โดยเฉพาะในส่วนของห้องใต้บันได  และห้องเก็บของ  ซึ่งเป็นห้องที่ไม่ค่อยได้ีโอกาสเข้าไปดูแลบ่อยนัก  สำหรับอาคารที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างควรทำการขนย้ายหรือรื้อถอนไม้แบบออกไปให้มากที่สุด  เพื่อเป็นการตัดช่องทา  และแหล่งอาหารของปลวกซึ่งเป็นการป้องกันการเข้าทำลายของปลวกได้อีกทางหนึ่ง


แต่ท้่ายที่สุดหากไม่สามารถหลีกหนีปัญหาเรื่องปลวกได้ 100%  ควรเลือกผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการกำจัดปลวกเข้ามาตรวจสอบดูแลบ้านเพื่อให้บ้านไม่ต้องตกอยู่ในความเสี่ยงอีกต่อไป

วรรณะของปลวก

วรรณะของปลวกนั้น บางตำราท่านว่ามี 3 วรรณะ แต่ความเข้าใจและความเห็นของข้าพเจ้าคิดว่า ปลวกแบ่งออกเป็น 4 วรรณะด้วยกัน (ดังภาพประกอบ)

ซึ่งแต่ละวรรณะก็จะแบ่งหน้าที่กันดังนี้


สำหรับนางพญาปลวกนั้นมีหน้าที่ออกลูกออกหลานปลวก (ในภาพด้านล่างคือภาพนางพญาปลวก)




เกี่ยวกับ "ปลวก"

!!!ปลวก!!!
ปลวกตัวแรกของโลกถือกำเนิดเมื่อประมาณ 220 ล้านปีมาแล้ว การขุดพบซากฟอสซิลของปลวก โดย E.M. Bordy แห่งมหาวิทยาลัย Witwatersrand ในแอฟริกาใต้ทำให้นักชีววิทยาสัตว์ดึกดำบรรพ์รู้ว่าปลวกโบราณมีรูปร่างที่ละม้ายคล้ายคลึงแมลงสาบปัจจุบันมาก แต่มีขนาดเล็กกว่าและมีผิวอ่อนนุ่มกว่า ถึงแม้โลกทุกวันนี้มีปลวกมากกว่า 2,000 ชนิด แต่ก็มีเพียงไม่กี่ชนิดที่ชอบอาศัยอยู่ในเนื้อไม้ของอาคารบ้านเรือน ซึ่งนับเป็นภัยต่อที่อยู่อาศัย เพราะปลวกจะกัดกินสรรพสิ่งที่ทำด้วยไม้จนหมด และนั่นก็หมายความว่า เจ้าของบ้านจะต้องอพยพออกจากบ้านในที่สุด



ปลวก เป็นสัตว์สังคมที่ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง มันทำมาหากินและดูแลกันอย่างเป็นทีม ลักษณะนิสัยเช่นนี้ทำให้มนุษย์หรือสัตว์อื่น ๆ ปราบปราม หรือกำจัดมันได้ยาก ดังนั้น เวลาจะสร้างบ้านเจ้าของบ้านควรใช้วิธีฉีดสารเคมีตามรังของมันที่อาจอยู่ในตอไม้หรือเศษไม้ใต้ดินให้ทั่ว เพื่อจะได้มั่นใจว่าปลวกตายหมด เพราะเหตุว่ายากำจัดปลวกเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตซึ่งหมายถึงมนุษย์ด้วยดังนั้น การพ่นยากำจัดปลวกจึงต้องดำเนินไปอย่างระมัดระวัง และสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องรอให้แมลงเม่า ซึ่งเป็นปลวกในระยะสืบพันธุ์ต้องบินว่อนออกมา เพราะถ้าถึงเวลานั้น ทุกอย่างที่เป็นชิ้นส่วนของบ้านก็ตกอยู่ในภาวะอันตรายเรียบร้อยแล้ว

การใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในจอมปลวก และใต้ดินทำให้เราไม่ได้ศึกษาธรรมชาติของปลวกอย่างใกล้ชิด จนทำให้คนหลายคนคิดว่าปลวกคือ มดขาว แต่ในความเป็นจริงปลวกและมดเป็นสัตว์คนละชนิดกัน เพราะมดเป็นสัตว์ในอันดับ Hymenoptera และปลวกอยู่ในอันดับ Isoptera ทั้งนี้เพราะปีกของมดสั้น และมีขนาดไม่เท่ากัน แต่ปีกของปลวกยาวและใหญ่เกินตัว อีกทั้งมีขนาดเท่ากันด้วย นอกจากความแตกต่างเรื่องปีกแล้ว สรีระส่วนที่เป็นเอวก็แตกต่างกัน คือมดมีเอว แต่ปลวกไม่มี และเวลามดตัวผู้ผสมพันธุ์กับราชินีมดแล้ว มันจะตายในเวลาต่อมาอีกไม่นาน ส่วนปลวกตัวผู้เมื่อได้เสพสมกับราชินีปลวกแล้ว มันจะช่วยกันสร้างอาณาจักรปลวกให้มีบริเวณเพียงพอสำหรับให้ลูกปลวกเจริญเติบโต เพราะราชินีปลวกที่เติบโตเต็มที่อาจมีลำตัวยาวตั้งแต่ 9-12 เซนติเมตร และเวลาตั้งครรภ์ มันจะเดินไปไหนมาไหนไม่ได้ ถึงกระนั้นมันก็ไม่อดอาหารตาย เพราะมันมีปลวกงานที่มีนิสัยขี้อายแต่ขยันขันแข็งเดินหน้าหาอาหารมาให้ราชินีของมันเสวยตลอดวัน และมันยังช่วยทำความสะอาดตัวให้ราชินีของมันด้วย โดยการเลียตามตัวตลอดเวลา และเมื่อราชินีปลวกวางไข่แล้ว ปลวกงานก็จะขนไข่ไปเรียงให้เป็นที่เป็นทาง และหาอาหารมาเลี้ยงปลวกอ่อนที่ยังช่วยตัวเองไม่ได้ด้วย นักชีววิทยายังพบอีกว่า ปลวกบางชนิดรู้จักทำสวนรา ซึ่งให้ cellulose อันเป็นอาหารโปรดของมัน โดยมันจะขนใบหญ้าใบไม้มาวางกองจนใบไม้กลายสภาพเป็นรา อนึ่งราที่กำลังเจริญเติบโต มันจะคายไอน้ำออกมา ทำให้ความชื้นของบรรยากาศในรังอยู่ที่ระดับพอดีด้วย