สิ่งที่สังเกตุได้ง่ายและชัดเจนที่สุด ในการเริ่มต้นสำรวจร่องรอยปลวกภายในบ้าน คือ การมองหาทางเดินของปลวก ซึ่งเป็นทางสัญจรจากรังไปจนถึงแหล่งอาหาร โดยในบางครั้งพบว่ามีระยะทางไกลมาก ทางเดินนี้อาจปรากฏบนโลหะ ผนังคนกรีต หรือแม้แต่รอยแตกของปูน ดังนั้นที่ที่คาดว่าเป็นแหล่งอาหาร ได้แก่ พื้นไม้ วงกบประตู หน้าต่าง คิ้วบัว และส่วนประกอบที่ทำจากไม้ คือ บริเวณที่ต้องตรวจตรา รวมไปถึงหลังตู้โชว์ เตียงนอน หรือกองหนังสือที่วางไว้ตามพื้นก็ต้องยกดูเช่นกัน โดยเฉพาะห้องที่มีความชื้นมาก เช่น ห้องใต้ดิน ห้องเก็บของใต้บันไดที่ไม่ได้เคลื่อนย้ายข้าวของมาเป็นเวลานาน
แต่การที่ไม่พบทางเดินปลวกในบ้านอาจไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยจากการมาเยือนของปลวก เนื่องจากปลวกจะทำลายเนื้อไม้เพียง 10-20% ของแต่ละแผ่นเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดการหักจนเป็นอันตรายต่อพวกปลวกเอง ด้วยเหตุนี้จึงต้องหมั่นสังเกตโครงสร้างรับน้ำหนักของบ้านโดยตลอด เช่น ถ้าพื้นบ้านเริ่มเอียง สันนิษฐานได้ว่าปลวกอาจกำลังทำลายคานของบ้านอยู่ นอกจากนี้ปลวกยังกินเนื้อไม้เฉพาะด้านใน และเหลือไว้เพียงชั้นบาง ๆ เท่านั้น เมื่อดูจากภายนอกจึงยังคงเหมือนปกติทุกอย่าง เวลาเจ้าหน้าที่จากบริษัทฯ เข้าตรวจสอบจึงต้องใช้อุปกรณ์กดเคาะเบา ๆ ตามขอบประตู ขอบหน้าต่าง ขอบบัวของพื้น และรอยแตกของผนังปูนเพื่อหาปลวก อีกแห่งที่ต้องสำรวจโดยละเอียด คือ บนฝ้าเพดาน ยิ่งถ้าคร่าวฝ้าเพดานเป็นไม้และฝ้่าเป็นยิปซัทบอร์ด ยิ่งต้องดูแลต่อเนื่องถึงบริเวณด้านนอก สนามหญ้า เรือนต้นไม้ และช่วงต่อระหว่างทางเดินกับตัวบ้าน
จำนวนแมลงเม่าที่บินเข้ามาในที่พักอาศัยก็ถือเป็นสัญญาณเตือนได้เช่นกัน เพราะอาจเป็นแมลงเม่าที่บินมาจากรูปลวกภายในบ้านเพื่อหาพื้นที่สำหรับสร้างรังใหม่ ดังนั้นในหนึ่งปีควรสำรวจปลวกอย่างน้อยหนึ่งครั้ง โดยช่วงที่เหมาะสมต่อการสำรวจคือประมาณเดือนกันยายน-ตุลาคม เพราะเป็นช่วงปลายฤดูฝน ปริมาณคยวามชื้นส่งผลบวกต่อการเจริญเติบโตเพิ่มจำนวนของปลวก ทำให้มีโอกาสพบเห็นได้ง่ายกว่าช่วงฤดูอื่น ซึ่งถ้าพบปลวกจริง ๆ ควารตรวจตราให้ทั่วบ้าน แต่ไม่ควรใช้สเปรย์ฆ่าปลวกพ่นในจุดที่พบทันที เนื่องจากปลวกที่ไม่โดนน้ำยาจะย้ายไปทำลายบริเวณอื่น ซึ่งจะทำให้ขั้นตอนการตรวจสอบลำบากขึ้น อีกทั้งการทำลายเนื้อไม้ของปลวกใช้เวลาเป็นเดือน ๆ ดังนั้นจึงมีเวลาวางแผนและมองหาบริษัทกำจัดปลวกมาดูแล